การเลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563

Image

ธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค

นำเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาบริหารจัดการของเสีย และขยะมูลฝอย โดยแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงทดแทน เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลให้มากที่สุด และนำผลพลอยได้จากขยะมาใช้ประโยชน์สูงสุด โดยไม่มีภาระการกำจัดส่วนที่เหลือนอกโรงงาน
Image

ธุรกิจสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ

สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ ทีพีไอ โพลีน เปิดให้บริการทั้งหมด 12 สาขา
Image

ขยะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

แผน Zero Waste คือ จะต้องบริหารจัดการขยะเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และต้องไม่ให้เหลือเศษใดๆที่จะเป็นภาระในการนำไปกำจัดนอกโรงงาน
Image

นายประชัย เลียวไพรัตน์

ประธานคณะกรรมการบริหาร
บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)

เรียน ท่านผู้ถือหุ้น


บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)  เป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ (Municipal Solid Waste-MSW) รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน และเป็นโรงกำจัดขยะชุมชนใหญ่ที่สุดของประเทศ ไทย และของโลก ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่แห่งเดียวกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทเป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) โดยเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อเติบโตอย่างสมดุลในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม บนพื้นฐานการดูแลกำกับกิจการที่ดี (Environmental, Social, Governance: ESG)  ทั้งนี้เพื่อบริหารจัดการกิจการให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล

ผลการดำเนินงาน

ในปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายรวม 10,200 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนหักต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เท่ากับ 3,914 ล้านบาท  มีอัตราส่วนภาระหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (สุทธิ) ต่อ EBITDA เพียง 3.49 เท่า (Net IBD/EBITDA)

บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในปี 2565 จำนวน 2,813 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิจำนวน 4,191 ล้านบาท ในปี 2564 เนื่องจาก ส่วนเพิ่มของราคาซื้อไฟฟ้า (Adder) ของโรงไฟฟ้า 2 โรง จากทั้งหมด 3 โรง ได้หมดอายุลง อย่างไรก็ตามราคารับซื้อไฟฟ้าฐาน (Base tariff) ได้ปรับตัวสูงขึ้นจากการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (FT Charge) อย่างต่อเนื่องในปี 2565  นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างปรับปรุงโรงไฟฟ้าให้ใช้เชื้อเพลิงขยะแทนถ่านหินได้มากขึ้น ซึ่งเชื้อเพลิงขยะมีข้อได้เปรียบโดยมีต้นทุนและความผันผวนด้านราคาที่ต่ำกว่าเชื้อเพลิงถ่านหิน ซึ่งจะเกิดประโยชน์และลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจให้แก่บริษัทต่อไป

ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้เป็น “A-” (Single A Minus) แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่”

ด้วยกระแสเงินสดที่มั่นคงของบริษัท ซึ่งได้รับจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  ข้อได้เปรียบในการแข่งขันด้านเชื้อเพลิง และต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงจากโครงการทดแทนเชื้อเพลิงถ่านหิน อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัท (Stand-alone Credit Profiel) ได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ระดับ  “a” โดยอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ ของบริษัทมีกรอบจำกัดไม่เกินไปกว่าอันดับเครดิตของ บมจ. ทีพีไอ โพลีน (ในฐานะบริษัทแม่) ซึ่งได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเป็นระดับ “A-” (Single A Minus) จากเดิมที่ระดับ “BBB+” (Triple B Plus) โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จัดทำโดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566

ตั้งเป้ากลุ่มทีพีไอโพลีนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ 39% จากปีฐาน (ปี 2020) ภายในปี 2030 (2573)  และก้าวเข้าสู่ NET ZERO ภายในปี 2043 (พ.ศ. 2586 )

บริษัทมีนโยบายดำเนินธุรกิจแบบ Net Zero Greenhouse Gas Emission โดยมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนา นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อลดการปล่อย CO2 เน้นการใช้พลังงานสะอาด และเสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าให้อยู่ในระดับสูงสุดและปลอดภัย โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ กลุ่มทีพีไอโพลีนตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ 39% จากปีฐาน (ปี 2020) ภายในปี 2030 (2573)  และก้าวเข้าสู่ NET ZERO ภายในปี 2043 (พ.ศ. 2586 ) โดยเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) 100% ที่ผลิตจากขยะชุมชน (Municipal solid waste – MSW) หรือเชื้อเพลิงทดแทนอื่น แทนการใช้เชื้อเพลิง ฟอสซิล และถ่านหิน ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าของบริษัท และในกระบวนการผลิตปูนซิเมนต์ของ บมจ. ทีพีไอ โพลีน ซึ่งเป็นการผลิตที่ลดปริมาณคาร์บอนให้มากที่สุด (Low carbon production)  เพื่อลดปัญหาโลกร้อนจากก๊าซเรือนกระจก และลดปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อสภาพภูมิอากาศ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ( Net Zero GHG Emission) และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ที่ได้ประกาศต่อนานาชาติในการประชุม COP26 ที่ Glasgow ในปี 2021 ว่าประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2065 (พ.ศ. 2608)

โรงกำจัดขยะชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

บริษัทจัดเป็นโรงกำจัดขยะชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อตอบสนองเจตนารมณ์ของภาครัฐที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาขยะล้นเมือง โดยโรงกำจัดขยะของบริษัทจัดเป็นโรงกำจัดขยะชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แห่งเดียวกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัทได้เปิดดำเนินการโรงผลิตเชื้อเพลิงขยะโรงที่ 2 (สามารถผลิตเชื้อเพลิงขยะได้ 2,400 ตันต่อวัน เพื่อส่งขายให้แก่โรงปูนซิเมนต์ของ บมจ.ทีพีไอ โพลีน) ซึ่งเมื่อรวมกับโรงผลิตเชื้อเพลิงขยะโรงที่ 1 ส่งผลให้บริษัทสามารถรับกำจัดขยะชุมชนได้รวมทั้งสิ้น ประมาณวันละ 15,000 ตัน หรือปีละ 5.5 ล้านตัน (สามารถผลิตเชื้อเพลิงขยะได้รวมทั้งสิ้น 7,200 ตันต่อวัน)

ในปี 2565 บริษัทได้ขยายกำลังการผลิตโรงผลิตเชื้อเพลิงขยะ โดยได้ก่อสร้างโรงผลิตเชื้อเพลิงขยะ โรงที่ 3 รวมทั้งขยายโรงงานผลิตเชื้อเพลิงขยะร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ  เพื่อรองรับปริมาณขยะที่ต้องกำจัดรวมทั้งสิ้นอีกวันละ 8,500 ตัน  ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2567 (เพื่อรองรับปริมาณความต้องการเชื้อเพลิงขยะแทนถ่านหินทั้งหมดในปี 2568 ของโรงไฟฟ้าของบริษัท) ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งที่สามารถรับกำจัดขยะได้รวมทั้งสิ้นวันละ 23,500 ตัน (สามารถผลิตเชื้อเพลิงขยะได้ประมาณ 11,750 ตันต่อวัน)

ร่วมกำจัดขยะติดเชื้อโควิด-19 จำนวนประมาณ 14,986 ตันในปี 2565

ในปี 2565 บริษัทได้ร่วมบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่สังคม โดยรับกำจัดขยะติดเชื้อโควิด-19 จำนวนประมาณ 14,986 ตัน จากสถานบริการสาธารณสุขที่ต้องได้รับการจัดการที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ ในช่วงภาวะระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชน

อยู่ระหว่างปรับปรุงโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงถ่านหิน 220 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ

บริษัท มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ดำเนินการทั้งหมด จำนวน 220 เมกะวัตต์  มาใช้เชื้อเพลิงขยะทดแทน 100% ซึ่งคาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จในช่วงปี 2566-2568 

ในช่วงปี 2564-2565 บริษัทฯ ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงอุตสาหกรรม  รับจัดการปัญหาขยะติดเชื้อท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเป็นโรงกำจัดขยะติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งเข้ามากำจัดที่โรงงานทั้งหมด  ด้วยกระบวนการจัดการที่ได้การรับรองมาตรฐาน ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับภาครัฐเป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพสูง สามารถกำจัดมูลฝอยติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่เริ่มกำจัดในปี 2564 จำนวน 3,892 ตัน และในปี 2565 จำนวน 14,986 ตัน ตามลำดับ

ก้าวสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดสีเขียวเต็มรูปแบบ

ในปี 2565 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะในจังหวัดสงขลา (7.92     เมกะวัตต์) และจังหวัดนครราชสีมา (9.9 เมกะวัตต์) ปริมาณขายไฟฟ้ารวม 17.82 เมกะวัตต์ โดยได้รับค่ากำจัดขยะและค่าจำหน่ายกระแสไฟฟ้า มีระยะเวลาดำเนินการ 20 ปี  ซึ่งทางคณะกรรมการกำกับกิจพลังงานได้ประกาศการรับซื้อกระแสไฟฟ้าจากบริษัทเมื่อเดือนกรกฎาคม 2565  ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ในต้นปี 2566 มีกำหนดแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2567

   นอกเหนือจากการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงขยะแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการเติบโตในธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดสีเขียว ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมเพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาการบริหารจัดการพลังงานของประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเป็น CLEAN & GREEN  POWER COMPANY โดยสมบูรณ์  

บริษัทยังได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 60 เมกะวัตต์ และขนาด 61.226          เมกะวัตต์ ในพื้นที่โรงงานในจังหวัดสระบุรี โดยมีวัตถุประสงค์ในการขายไฟฟ้าเพิ่มให้แก่โรงงานปูนซิเมนต์ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตปูนซิเมนต์  โดยกำหนดแล้วเสร็จประมาณปี 2567

ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดพันธกิจที่จะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในธุรกิจพลังงานสะอาดสีเขียว โดยการเข้าร่วมเสนอโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนต่างๆที่ภาครัฐจะได้กำหนดเงื่อนไขให้ภาคเอกชนเข้าร่วมรับการคัดเลือก เพื่อการประมูลโรงไฟฟ้า ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan) ตามที่มีการประกาศโดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน จากเชื้อเพลิงขยะชุมชน และขยะอุตสาหกรรม และพลังงานสีเขียว จากพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม

รวมพลังช่วยเหลือสังคม ชุมชน และพนักงาน

ในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้รวมพลังบรรเทาความเดือนร้อนให้แก่สังคม ชุมชน  และพนักงาน จากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 และโครงการช่วยเหลือสังคมด้านอื่นๆ เป็นค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้นประมาณ 48.55 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการมอบทุนการศึกษาให้กับเยาวชนที่เรียนดี ประพฤติดี แต่ขาดทุนทรัพย์ บริจาคผลิตภัณฑ์กลุ่มทีพีไอโพลีนเพื่อใช้ปรับปรุง ซ่อมแซม อาคารเรียน จำนวน 20 โรงเรียน ทั่วประเทศ  ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมและบริจาคผ้าห่มกันหนาวให้กับผู้ประสบภัยหนาวในจังหวัดต่างๆ   บริจาควัสดุก่อสร้างให้แก่ประชาชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์  ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีวัดต่างๆ  และสนับสนุนน้ำดื่มทีพีไอพีแอลให้แก่กิจกรรมจิตอาสาและกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ เป็นต้น

การบริหารจัดการด้านความยั่งยืน

ในปี 2565 คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้นำประเด็นความยั่งยืนที่เป็นสาระสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ (Materiality) ทั้ง 3 ด้าน ซึ่งครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการกำกับดูกิจการที่ดี เพื่อกำหนดเป็นนโยบายด้านความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญในการเป็นเครื่องมือเพื่อขับเคลื่อนองค์กร ให้บรรลุวิสัยทัศน์ด้านการพัฒนาความยั่งยืน ให้สอดคล้องกับทิศทางและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มทีพีไอโพลีน โดยได้มีการนำประเด็นความยั่งยืนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทมาจัดทำรายงานความยั่งยืนปี 2565 ตามมาตรฐานขององค์การแห่งความริเริ่มว่าด้วยรายงานสากล (Global Reporting Initiative : GRI) 

ผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาความยั่งยืน

 ด้วยความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญต่อกระบวนการทำงานเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) ส่งผลให้ในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับรางวัลและการรับรองจากองค์กรที่เป็นที่ยอมรับ ในเรื่องการส่งเสริมการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน รวมถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดี ดังนี้

  1. ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียนในปี 2565 โดยสถาบันไทยพัฒน์
  2. ได้รับการรับรองโครงการ ESG Credit 2565 สำหรับโครงการการลงทุนสีเขียวโดยสถาบันไทยพัฒน์
  3. ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในหุ้นยั่งยืน THSI (Thailand Sustainability Investment) ประจำปี 2565 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  4. ได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies : CGR) ประจำปี 2565 ในระดับดีมาก (Very Good) โดยสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)

ในนามของคณะกรรมการของบริษัท ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้น ท่านผู้ถือหุ้นกู้ สถาบันการเงินต่างๆ  พนักงานของบริษัท และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ที่ได้ร่วมให้ความสนับสนุน  และให้ความไว้วางใจบริษัทด้วยดีตลอดมา ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจและเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง เกิดเป็นพลังผลักดันให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนร่วมกันมุ่งมั่นทุ่มเทความสามารถ ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนให้แก่องค์กร สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศชาติ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ตลอดจนสังคมไทยโดยรวม โดยเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้คนไทยมีความเป็นอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป

ขอแสดงความนับถือ

การรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 โครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบไปด้วยโครงการท่าเทียบเรือคอนเทนเนอร์และท่าเทียบเรือน้ำลึกทีพีไอสงขลา, โครงการท่าเทียบเรือก๊าซธรรมชาติเหลวและน้ำมันสำเร็จรูปทีพีไอสงขลา, โครงการโรงไฟฟ้าทีพีไอสงขลา และ โครงการสวนอุตสาหกรรมจะนะ จังหวัดสงขลา ระยะที่ 1 มีกำหนดการดังนี้

ติดต่อเรา

นโยบายคุกกี้

This website stores cookies to provide you with a better experience of our website, and to enable us to provide you with offers, promotional activities, and personalised content. Use of this website is an acceptance of the terms and consent to us to store cookies in accordance with the policy initially stated. เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงให้เราสามารถมอบข้อเสนอ กิจกรรมส่งเสริมการขาย เลือกเนื้อหาที่เหมาะสมให้กับคุณอย่างเป็นส่วนตัว การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุกกี้ตามนโยบายที่แจ้งในเบื้องต้น